วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค่ จ.นครสวรรค์

ประวัติ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค




ประวัติ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
หลวงพ่อพรหม ถาวโร ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปี มะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พศ. 2426 ณ.ตำบลบ้านแพรก อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บุตรนายหมี-นางล้อมโกสะลัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 4 คน คือ
1.นางลอย
2.นายปลิว
3.หลวงพ่อพรหม
4.นางฉาบ
ทุกคนถึงแก่กรรม
การอุปสมบท
             หลวงพ่อพรหม ในขณะเยาว์วัยได้ศึกษา อ่านเขียนกับพระในวัดใกล้บ้าน ศึกษาอักษรขอมควบคู่กับภาษาไทยตั้งแต่ก่อนอุปสมบท เมื่ออายุครบบวช ได้อุปสมบทที่วัดเขียนลาย ต.บ้านแพรก อ.บ้านแพรก จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2447 ได้รับฉายาว่า "ถาวโร" โดยมีหลวงพ่อถม วัดเขียนลาย เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาขอมจนชำนาญและเริ่มปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
             หลวงพ่อพรหม เริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคมกับอาจารย์ที่เป็นฆราวาส ชื่ออาจารย์พ่วง ต่อมาเมื่ออุปสมบทแล้วจึงได้ศึกษาอสุภกรรมฐาน สมถะกรรมฐาน วิปัสสนา จากหลวงพ่อดำ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ไม่ทราบวัดอยู่ประมาณ 4 ปี ในพรรษาที่ 5 อาจารย์พ่วง ได้พาไปฝากอาจารย์ปู่วอน ซึ่งเป็นฆราวาส และได้ศึกษาวิชาแขนงต่างๆเป็นเวลา 5 ปีเต็ม จนกระทั่งอาจารย์ปู่วอนถึงแก่กรรม ซึ่งในภายหลังหลวงพ่อพรหมได้นำกระดูกมาเก็บไว้ที่วัดช่องแค จากนั้นหลวงพ่อพรหม ก็ไม่ได้ไปศึกษากับอาจารย์ท่านใดโดยตรงมีแต่ศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากับอาจารย์รุ่นพี่และรุ่นเดียวกันในระหว่างธุดงค์ เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เป็นต้น

              หลวงพ่อพรหม จะเดินธุดงค์ทั้งเส้นทางใกล้และไกล โดยหลวงพ่อเคยเดินธุดงค์ไปประเทศพม่าถึงเมืองร่างกุ้ง และได้มีโอกาสที่มนัสการพระเจดีย์ชะเวดากอง และเดินธุดงค์ผ่านทางด่านเจดีย์สามองค์ ผ่านเทือกเขาน้อยใหญ่ และธุดงค์อยู่ในประเทศพม่าเป็นเวลานาน จึงเดินทางกลับประเทศไทยทางด่านแม่ละเมา จ.ตาก และเดินเรื่อยๆไปจนถึงเขาช่องแค ต.พรหมนิมิตร อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เกิดฝนตกหนัก หลวงพ่อพรหม ได้หลบเข้าไปอยู่ในถ้ำซึ่งเป็นถ้ำเล็กๆ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงพ่อพรหม เห็นว่าเป็นที่วิเวกเหมาะแก่การบำเพ็ญธรรม จึงเริ่มปลูกต้นไม้แห่งศรัทธาลง ณ. ช่องเขาแห่งนี้
ขณะที่หลวงพ่อพรหมจำศีลปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ที่วัดช่องแคมีพระภิกษุจำพรรษาอยู่แล้ว 2 รูป แต่ยังไม่มีเจ้าอาวาส ภายในวัดยังไม่มีเสนาสนะใดๆ บริเวณวัดรกร้าง
             ต่อมาชาวบ้านในแถวนั้นซึ่งมีความนับถือเลื่อมใสหลวงพ่อได้นิมนต์ให้หลวงพ่อพรหมลงมาจำพรรษาข้างล่าง คือวัดช่องแคในปัจจุบัน หลวงพ่อพรหม จึงเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดช่องแค โดยที่ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคที่ดินเพิ่มขึ้น หลวงพ่อพรหมได้เริ่มต้นสร้างวัดจากวัดที่รกร้างไม่มีเสนาสนะใดๆ เมื่อปี 2460 มาเป็นวัดที่มีกุฏิ ศาลาการเปรียญ โรงครัว ซึ่งส่วนหนึ่งของทรัพย์สินมาจากการขายสมบัติส่วนตัวและมรดกของหลวงพ่อเอง ต่อมาเมื่อทางวัดจะสร้างโบสถ์ ซึ่งต้องใช้ทุนทรัพย์สูง คณะกรรมการของวัดจึงขอ อนุญาติหลวงพ่อสร้างวัตถุมงคลขึ้น
หลวงพ่อพรหม ชอบระฆัง การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อจึงมีรูประฆังและกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหลวงพ่อพรหม
             หลวงพ่อพรหม ไม่เคยย้ายไปอยู่วัดใดเลยตลอดระยะเวลา 58 ปี โดยที่หลวงพ่อได้ลาออกจากเจ้าอาวาสเมื่อปี 2514 รวมเวลาที่เป็นเจ้าอาวาสวัดช่องแค 54 ปี เพื่อให้พระปลัดแบงค์ ธมมวโร เป็นเจ้าอาวาสสืบแทน หลวงพ่อพรหม มรณภาพเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2518 เมื่อเวลา 15.00 น. ณ.โรงพยาบาลบ้านหมี่ จ.ลพบุรี รวมอายุได้ 91 ปี 71 พรรษา


การมรณะภาพ
หลังจากหลวงพ่อพรหม มรณภาพแล้ว คณะกรรมการวัดได้บรรจุศพของท่านไว้ในโลงแก้ว อยู่บนศาลาการเปรียญ ศพของหลวงพ่อพรหมไม่เน่าเปื่อย มด ไร มอด และ แมลง ไม่ได้รบกวนทำลายชิ้นส่วนใดๆในร่างกายของท่านแม้แต่น้อย คล้ายกับหลวงพ่อนอนหลับอยู่ แม้ว่าท่านจะมรณภาพมาแล้วถึง 30กว่าปี
สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นคือ หลังจากหลวงพ่อได้มรณภาพแล้วศพของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย แถม
1.เส้นผมงอกยาว 5-6 มม.
2.เส้นขนคิ้วงอกยาว 5-6 มม.
3.เส้นขนตางอกยาว 1 ซม.
4.หนวดงอกยาว 5-6 มม.
5.เคราใต้คางยาว 5-6 มม.
6.เล็บมืองอกยาว 1 ซม.
7.เล็บเท้างอกยาว 4-5 มม.
              หลวงพ่อพรหม มีวิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลไม่เหมือนใคร ส่วนใหญ่หลวงพ่อจะปลุกเสกในบาตร ถ้ามีเทียนชัยจะจุดเทียนชัยหยดน้ำตาเทียนลงในบาตรน้ำมนต์แล้วนำเทียนชัยวนรอบๆ 9 รอบ แล้วจึงนำดินสอพองมาเจิมที่วัตถุมงคล เอามือคนไปรอบๆโดยที่หลวงพ่อลืมตาเพ่งกระแสจิตอัดพลังแล้วจึงนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมวัตถุมงคลทั้งหลายแล้วหลวงพ่อจับบาตรใส่วัตถุมงคล เพ่ง กระแสจิตอีกครั้งจนกระทั่งวัตถุมงคลเหล่านั้น มีรังสีพุ่งออกมา จึงนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมอีกครั้งเป็นเสจ็รพิธี
ดังนั้นเราจะสังเกตุได้ว่าพระเนื้อผงของหลวงพ่อจะมีรอยบิ่น เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เพราะเกิดจากหลวงพ่อเอามือคนในบาตร ดังนั้นพระที่มีรอยบิ่นจึงสันนิษฐานได้ว่า ได้สัมผัสกับมือหลวงพ่อโดยตรง

อภินิหาร 'หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
สยบอสรพิร้าย “งูจงอาง” ช่วยชีวิตเด็ก
           เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน  ฉบับนี้ขอนำ “นาทีระทึกขวัญ” ขณะเด็กน้อยผู้หนึ่งต้อง “ผจญภัย” กับอสรพิษร้ายที่เรียกกันว่า “งูจงอาง” กลางหลุมลึกทั้งที่ “เด็กน้อย” ผู้นี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยแต่กลับ “รอด” จากถูกอสรพิษร้ายฉกกัดได้ดุจปาฎิหารย์ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น “ผู้พ่อ” ที่มาพบเห็นจึงเชื่ออย่างสนิทใจเป็นเพราะ “พุทธบารมี” และอำนาจแห่ง “พุทธานุภาพ” ของ “เหรียญคุณพระ” ที่เด็กชายคนนั้นแขวนอยู่บนคอแสดงปาฏิหารย์เป็นที่น่าอัศจรรย์ “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์ ฉบับนี้จึงขอนำ “เรื่องอันน่าพิศวง” เรื่องนี้มาเสนอท่านผู้อ่านเช่นเคย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2517 ที่ จังหวัดตรัง และเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ “คุณสาธร ตีระกานนท์ ซึ่งเป็นนักสะสมพระเครื่องอีกผู้หนึ่งได้เผยว่า “ในปี 2517 ได้ปลูกบ้านหลังใหม่ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับบ้านหลังเก่า ซึ่งก่อนปลูกบ้านก็จะต้องมีพิธี “ยกเสาเอก” ตามแบบอย่างโบราณจึงขุดหลุม “สี่เหลี่ยม” กว้างเมตรครึ่งและลึกเมตรเศษเพื่อทำพิธียกเสาเอก หลังจากขุดหลุมเสร็จจึงไปหาซื้อข้าวของสำหรับจัดพิธีในตัวตลาด แต่พอกลับมาถึงบ้านก็ไม่เห็น “ลูกชาย” อายุขวบเศษที่ปล่อยให้นอนอยู่ยังบ้านหลังเดิมเพียงลำพัง จึงเดินตามหารอบๆบ้านพร้อมทั้งตะโกนเรียกก็ไร้เสียงตอบ จึงเดินไปดูตรงที่ขุดหลุมไว้เพื่อยกเสาเอกก็เห็นลูกชายตัวน้อยตกลงไปในหลุม ที่มี “งูจงอางตัวเขื่อง ยาวประ มาณเมตรเศษตัวดำเมี่ยมนอนขดตัวอยู่ตรงหน้า “ลูกชาย” ที่ขณะนั้นมีทีท่าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดจนไม่กล้าส่งเสียงใดๆเลย “คุณสาธร” จึงรีบยื่นมือคว้าเอาตัวลูกชายขึ้นจากหลุมอย่างระมัดระวังพร้อมถาม “โดนงูกัดหรือเปล่าลูก” ลูกชายสั่นหัวแทนคำตอบเนื่องจากขณะนั้นพูดอะไรไม่ออก “คุณสาธร” จึงสำรวจเนื้อตัวลูกชายเมื่อไม่พบ “รอยถูกงูกัด” จึงโล่งใจแต่ก็เกิดอาการฉงนไฉนลูกชายจึงไม่ถูก “งูฉกกัด” ทั้งที่อยู่ในหลุมแคบๆด้วยกันชั่วครู่จึงมองไปที่คอลูกชายก็พบว่ามี “เหรียญหลวงพ่อพรหมวัดช่องแค” รุ่น “แจกทาน” ที่ตนเองเป็นผู้ให้ลูกชายแขวนไว้จึงยกมือขึ้นสาธุเพราะรู้ทันทีว่าด้วยบารมี อันศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อพรหม” ที่ช่วยชีวิตลูกชายไว้เนื่องจากสัญชาติ “อสรพิษร้าย” อย่างงูจงอางหากอยู่ใกล้คนเป็นต้องฉกกัดทันทีดังนั้นเมื่อ “ลูกชาย” รอดจากถูกงูฉกกัดเช่นนี้จึงนับเป็น “ปาฏิหาริย์ ที่ “หลวงพ่อพรหม” บันดาลขึ้นโดยแท้ต่อมาหลังจากทำพิธี “ยกเสาเอก” เสร็จเรียบร้อยโดยจับ “งูจงอาง” ปล่อยเข้าป่าไป “คุณสาธร” ก็พาลูกชายพร้อมครอบครัวไปทำบุญกับ “หลวงพ่อพรหม” ที่วัดช่องแคพร้อมกราบขอบพระคุณที่ท่านช่วยลูกชายทั้งที่ท่านได้ละสังขารไป นานแล้ว

           หลวงพ่อพรหม ถาวโร แห่ง “วัดช่องแค” ตำบลพรหมนิมิตร อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 5ค่ำเดือน 5ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12เมษายน พ.ศ.2426 ณ ตำบลบ้านแพรก อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในขณะยังเยาว์วัยได้ศึกษาอ่าน-เขียนกับพระในวัดใกล้บ้าน พออ่านออกเขียนได้แล้วหลวงพ่อก็เรียนอักษรขอมควบคู่กับภาษาไทย จึงมีความรู้ภาษาขอมพอสมควรครั้นอายุครบบวชได้อุปสมบทที่ วัดเขียนลาย ตำบลบ้านแพรก อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ 15มีนาคม พ.ศ.2447 โดยมี หลวงพ่อถมยา วัดเขียนลาย เป็นพระอุปัชฌาย์ได้รับฉายาว่า “ถาวโร” และได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาขอมเพิ่มเติมจนชำนาญ จากนั้นเริ่มปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหลวงพ่อเคยเล่าให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า หลวงพ่อเริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคมจากอาจารย์ซึ่งเป็นฆราวาสชื่อ อาจารย์พ่วง ต่อมาหลังจากอุปสมบทแล้วจึงได้ศึกษา อสุภกรรมฐาน สมถกรรมฐาน วิปัสสนา จาก หลวงพ่อดำ ประมาณ 4ปีในพรรษาที่5 อาจารย์พ่วง ซึ่งเป็นอาจารย์คนแรกได้พาไปฝาก อาจารย์ปู่วอน ซึ่งเป็นฆราวาสและได้ศึกษาวิชาแขนงต่างๆเป็นเวลา5ปีเต็ม จากนั้นหลวงพ่อไม่ได้ไปศึกษาวิชากับอาจารย์ท่านใดโดยตรงอีก แต่อาจมีการแลกเปลี่ยนวิชากับอาจารย์รุ่นพี่ระหว่างธุดงค์บ้างเช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อพรหมเคยเดินธุดงค์ไปยังประเทศพม่า จนถึงเมืองร่างกุ้งและไปนมัสการ พระเจดีย์ชะเวดากอง หลวงพ่อได้เดินธุดงค์อยู่ในประเทศพม่านานพอสมควร จึงเดิน ทางลัดเลาะตามแม่น้ำสายต่างๆผ่านมาทาง ด่านแม่ละเมา จังหวัดตาก และเดินทางเรื่อยมาจนถึง เขาช่องแค ตำบลพรหมนิมิตร อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เกิดฝนตกหนักจึงไปหลบฝนในถ้ำเล็กๆบนเขาช่องแค ต่อมาหลวงพ่อเห็นว่าเขาช่องแคนี้เป็นที่วิเวก เหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมจึงปฏิบัติธรรมอยู่ ณ เขาช่องแค ซึ่งขณะนั้นมีภิกษุจำพรรษาอยู่เพียง 2 รูป โดยไม่ได้ย้ายไปอยู่วัดใดอีกเลยตลอดระยะเวลา 58ปีจำพรรษาอยู่ วัดช่องแค หลวงพ่อได้สร้างประโยชน์โดยการทำนุบำรุงศาสนาก่อสร้างเสนาสนะต่างๆภายในวัด พร้อมทั้งให้การอุปถัมภ์ โรงเรียนวัดช่องแค กระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่ 30 มกรา คม พ.ศ.2518 ณ โรงพยาบาลบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี รวมอายุ 91 ปี 71 พรรษา

หลังจากหลวงพ่อพรหมมรณภาพแล้ว คณะกรรมการวัดได้บรรจุศพของท่านซึ่งปรากฏว่าไม่เน่าเปื่อย มด ไร มอด และแมลง ไม่ได้รบกวนทำลายชิ้นส่วนใดในร่างกายของท่านแม้แต่น้อย คล้ายกับหลวงพ่อนอนหลับเฉยๆถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพมาแล้วถึง 33ปี ก็ตามนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นกับสังขารของท่านหลังจากละสังขารแล้วก็คือ 1. เส้นผมงอกยาว 2. เส้นขนคิ้วงอกยาว 3. เส้นขนตางอกยาว 4. หนวดงอกยาว 5. เคราใต้คางยาว 6. เล็บมืองอกยาว 7. เล็บเท้างอกยาว ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งหากท่านผู้อ่าน มีโอกาสก็สามารถเดินทางไปกราบนมัสการ ขอพรจากสังขารของท่านที่นอนสงบนิ่งอยู่ ณ วัดช่องแค ได้เพราะบารมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของท่านยังคงปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อมีหลายรุ่นมักจะมีรูประฆังไม่ว่าจะเป็น “เหรียญ” หรือ “พระเนื้อผง” มีรูปหลวงพ่อนั่งอยู่ในระฆังจนดูเหมือนวัตถุมงคล “รูประฆัง” จะเป็นเอกลักษณ์ประจำ ตัวของหลวงพ่อนอกจากนั้นก็มีวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ อีกมากมายหลายแบบล้วนมีพุทธคุณเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาทั่วไป ปัจจุ บันวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ทำให้มีการปลอมแปลงมากมายแทบทุกรุ่นทุกแบบ ท่านที่ต้องการแสวงหาควรพิจารณาอย่างรอบคอบ มิเช่นนั้นอาจเสียทรัพย์ไปโดยไม่ได้ของแท้มาสักการบูชา






2 ความคิดเห็น: